พ.อ.นพ.ขุนทอง พีชาตะนันท์ สร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติ นำเสนอผลงานวิจัย ณ การประชุมวิชาการ ASCO Quality Care Symposium 2025

ชิคาโก, สหรัฐอเมริกา – พันเอกนายแพทย์ ขุนทอง พีชาตะนันท์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคมะเร็ง ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงในการนำเสนอผลงานวิจัยในรูปแบบ Oral Presentation ในการประชุมวิชาการระดับโลก ASCO Quality Care Symposium 2025 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Society of Clinical Oncology) ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

การประชุมดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

พ.อ.นพ.ขุนทอง ได้นำเสนอผลการศึกษาวิจัยทางคลินิกระยะที่ 3 ในหัวข้อ “A prospective double-blind, randomised, phase 3 study of the efficacy of ketamine for oral and pharyngeal mucositis pain: KARM study” ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาเคตามีน (Ketamine) ในขนาดต่ำอย่างต่อเนื่องผ่านชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อรักษาอาการเจ็บปวดในช่องปากและลำคออย่างรุนแรงในผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่ตอบสนองต่อยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก

ผลการศึกษาที่สำคัญ (Key Takeaway Points) สรุปได้ดังนี้:

ประสิทธิภาพในการรักษา: การให้ยาเคตามีนในขนาดต่ำอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในการควบคุมอาการปวดจากภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในระดับปานกลางถึงรุนแรง
ผลข้างเคียงน้อยและจัดการได้: ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดคืออาการทางจิตประสาท (Psychomimetic) แต่มีความรุนแรงเพียงเล็กน้อยและสามารถจัดการได้ทั้งหมด
ลดการใช้ยาโอปิออยด์: การรักษานี้มีผลช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid-sparing effect) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากการนำเสนอผลงานแล้ว พ.อ.นพ.ขุนทอง พีชาตะนันท์ ยังได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งในคณะผู้เชี่ยวชาญ (Panelist) ในช่วง “Rapid Oral Abstract Session” เพื่อร่วมอภิปรายและตอบข้อซักถาม ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญและการยอมรับในระดับสากล

ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคมะเร็ง แต่ยังถือเป็นความหวังใหม่ในการพัฒนาแนวทางการรักษาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกต่อไป

Scroll to Top